14 พฤษภาคม 2556
วันนี้ลองเป็นดูค่าเงินเยน เทียบกับเงินบาทแล้วตกใจเล็กๆน้อยๆ ว่ามันจะอ่อนไปไหน เพราะผ่านมาครึ่งปีค่าเงินบาท เทียบกับเยนแล้วแข็งขึ้นมากว่า 23.63% ถ้าคิดแบบเป็นปีแบบที่พวกแบงค์ชอบโฆษณาก็ต้องบอกว่า ให้ผลตอบแทนมากกว่า 47% ต่อปีกันเลยที่เดียว
รูปประกอบที่1 ค่าเงินเยนเทียบกับเงินบาทในช่วงอาทิตย์นี้ (พุ่งมาอยู่ที่ประมาณ 3.425เยน ต่อบาท)
รูปประกอบที่2 ค่าเงินเยนเทียบกับเงินบาทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา การฟพุ่งกันไม่หยุดเลยแข็งไป 23.63%
เราไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก เลยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะแข็งกันไปได้อีกนานมาน้อยแค่ไหน แล้วทำไมเงินเยนมันถึงได้อ่อนนัก หรือเงินบาทมันแข็งมากเกินไป ถ้าอยากเข้าใจมากขึ้นอีกนิด เราต้องไปดูว่าประเทศญึ่ปุ่นตอนนี้กำลังทำอะไรกับค่าเงินของตัวเองอยู่
คนที่จะรู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นคุณลุง ชินโซะ อาเบะ (Mr.Shinzo Abe) ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่น ที่มีแผนจะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการ ใช้หลัก 3 ศรหลัก
วันนี้ลองเป็นดูค่าเงินเยน เทียบกับเงินบาทแล้วตกใจเล็กๆน้อยๆ ว่ามันจะอ่อนไปไหน เพราะผ่านมาครึ่งปีค่าเงินบาท เทียบกับเยนแล้วแข็งขึ้นมากว่า 23.63% ถ้าคิดแบบเป็นปีแบบที่พวกแบงค์ชอบโฆษณาก็ต้องบอกว่า ให้ผลตอบแทนมากกว่า 47% ต่อปีกันเลยที่เดียว
รูปประกอบที่1 ค่าเงินเยนเทียบกับเงินบาทในช่วงอาทิตย์นี้ (พุ่งมาอยู่ที่ประมาณ 3.425เยน ต่อบาท)
รูปประกอบที่2 ค่าเงินเยนเทียบกับเงินบาทในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา การฟพุ่งกันไม่หยุดเลยแข็งไป 23.63%
เราไม่ได้ทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก เลยไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันจะแข็งกันไปได้อีกนานมาน้อยแค่ไหน แล้วทำไมเงินเยนมันถึงได้อ่อนนัก หรือเงินบาทมันแข็งมากเกินไป ถ้าอยากเข้าใจมากขึ้นอีกนิด เราต้องไปดูว่าประเทศญึ่ปุ่นตอนนี้กำลังทำอะไรกับค่าเงินของตัวเองอยู่
คนที่จะรู้ดีที่สุดก็น่าจะเป็นคุณลุง ชินโซะ อาเบะ (Mr.Shinzo Abe) ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันของประเทศญี่ปุ่น ที่มีแผนจะกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศด้วยการ ใช้หลัก 3 ศรหลัก
- กำหนดอัตราเงินเฝ้อไว้ที่ 2% (ทำโดยการอัดเงินเข้ามาในระบบอย่างล้นเหลือ กดดันให้มีเงินเฝ้อเกิดขึ้น)
- พยายามทำให้ดอกเบี้ยใกล้ 0 เพื่อกดดันให้มีการใช้จ่ายเงินลงทุนจากภาคเอกชนเพิ่มมากขึ้น
- เพิ่มความยึดหยุ่นให้กับงบประมาณ เพื่อกระตุ้นการผลิตและบริโภค จากภาครัฐบาล
จากเบื้องหลังดังนี้ จะเห็นได้ว่าแนวโน้มค่าเงินเยนจะอ่อนลงไปอีก ด้วยความหวังว่าค่าเงินที่อ่อนลงนั้นจะทำให้สินค้าจากประเทศญึ่ปุ่นมีราคาที่ถูกลง รวมถึงการเข้าไปท่องเที่ยวที่ญึ่ปุ่นก็มีแนวโน้มว่าราคาจะถูกลง เมื่อราคาถูกลง คนก็เข้าไปเที่ยวกันมาก เมือเข้ามาเที่ยวกันมา ก็ต้องมีการใช้สินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้องมีการผลิต การจ้างงานมากขึ้น คนมีรายได้มากขึ้น ก็จับจ่ายมากขึ้นไปด้วย เป็นลูกโซ่กันไป
สิ่งที่น่าห่วงน่าจะเป็นหากแผนนี้ไม่สำเร็จผลกระทบกับคนญี่ปุ่นเองที่เก็บออมมาตลอดชีวิตก็คือ จะเหลือเงินที่มีมูลค่าน้อยลง และรัฐบาลก็อาจจะมีปัญหาเรื่องการบริหารหนี้สาธารณะได้ในอนาคต ประเทศไทยก็ต้องระวังเหมือนกัน เพราะปัญหาของเราก็ไม่ค่อยจะเหมือนของญี่ปุ่นที่มีเงินแต่ไม่กล้าใช้ กลัวไปหมด ของพี่ไทยเราออกจะตรงกันข้ามคือ กล้าใช้กันจริงเงินที่ยังมาไม่ถึง ผลไม้ยังไม่สุกเลย แค่ติดดอกก็ ไปหยิบยืมเอามาใช้กันแล้ว อันนี้น่าจะน่ากลัวกว่านะครับ
Comments
Post a Comment