Skip to main content

Posts

Showing posts from April, 2017

ทำอย่างไร ถึงจะสามารถทำงานสำเร็จได้มากขึ้น โดยลงมือทำงานให้น้อยลง

   คุณเคยรู้สึกบางมั้ยว่าทำไมงานที่เราทำในแต่ล่ะวัน มันดูเหมือนจะไม่มีการลดลงบางเลย ทุกๆวันเราต้องทำงานอย่างหนัก ตั้งแต่เช้า จนเย็น (บางวันมีถึงดึก) เพื่อให้งานเสร็จ แต่พอวันรุ่งขึ้นเราก็เจอกับงานที่เยอะเกินกว่าที่จะทำไหวอีกแล้ว    ปัญหานี้เป็นเรื่องของการมีประสิทธิผลในการทำงานล้วนๆเลย ประสิทธิผลคืออะไร เราอาจจะเข้าใจผิดกันไปว่า การทำงานหนัก คือการทำงานได้มาก แต่จริงๆแล้ว การทำงานหนัก เป็นแค่ (input) ที่เราใส่เข้าไป มันไม่ได้หมายความว่า ผลลัพท์ (output) ที่จะได้ออกมานั้นจะดีตามไปด้วย    ดังนั้นการจะแก้ปัญหานี้ จึงไม่ใช่การทำงานให้หนักขึ้น แต่จะต้องเป็นการทำงานที่ฉลาดขึ้นซะมากกว่า ด้วยหลักการในการสร้างประสิทธิผลในการทำงานให้สูงขึ้น ทั้ง ๕ ข้อ    ๑.  จงใส่ใจกับการจัดการตัวเอง คือ วางแผน จัดการเวลาที่จะทำงานใดๆ ให้เสร็จ โดยหมายร่วมไปถึงการจัดเก็บเอกสาร อุปกรณ์ต่างๆที่มีความจำเป็นในการทำงานนั้นๆด้วย ไม่อย่างนั้นเราจะต้องมาเสียเวลาในการหาเอกสาร หรืออุปกรณ์ต่างๆอีก ทำให้ใช้เวลามากกว่าที่ควรจะเป็นได้    ๒.  ลุยงานที่มีความสำคัญมากที่สุดก่อน และถ้าเลือกได้จงเลือกทำงานที่ยาก และไม่อยา

การเลี้ยงเด็กไม่ให้โตขึ้นเป็นคนเอาแต่ใจ โดย Julie Revelant

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าคุณ Julie Revelant นี้เป็นใครก็ไม่รู้ วันก่อนไปเจอบทความของเจ๊เข้าเห็นว่าหัวข้อมันดูเร้าใจดี (10 strategies to avoid rising a spoiled brat) เลยขอเอามาแบ่งปันกันนะครับ    ๑.  อย่าทำอะไรๆ ให้เด็กง่ายเกิ๊น สิ่งนี้ชัดเจนว่าเกิดขึ้นเพราะความรัก เรากลัวว่าลูกเราจะลำบาก จนยอมเอาตัวไปเป็นคนรับใช้ ค่อยแก้ปัญหาทุกสิ่งอย่างให้ลูก จนลูกก็ชักไม่แน่ใจแล้วว่า จริงๆเราเป็นพ่อแม่ที่เขาต้องเชื่อฟัง หรือเป็นคนรับใช้ค่อยบริการตามที่เขาร้องขอกันแน่    ๒.  กำหนดขอบเขตในเรื่องต่างๆ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ (ไม่ใช่แค่เด็ก) ที่มีสัญชาตญาณในการทดสอบ ทดลอง ดังนั้นถึงแม้เราจะกำหนดขอบเขตในเรื่องต่างๆแล้ว แต่ลูกของเราก็จะทำการทดสอบตัวพ่อแม่ ผู้ตั้งกฏอยู่เสมอ ดังนั้นหากเราต้องการให้ลูกของเราเข้าใจในเรื่องกฏเกณฑ์ต่างๆ และอยู่ร่วมกับคนอื่นในสังคมได้ เราต้องมีความหนักแน่นในกฏต่างๆ (ไม่เช่นนั้นเมื่อลูกเราโตขึ้นไปแล้ว ก็จะมีความคิดที่ว่ากฏนั้นมันช่างไร้สาระเสียจริงๆ)    ๓.  ให้ความสำคัญกับเรื่องที่สำคัญ แน่นอนว่าเราไม่อยากไปกำหนดกรอบให้ลูกเราไปเสียจนหมดทุกเรื่อง แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องที

เทคนิคในการบริหารเวลา

   ข่าวดีก็คือ คุณไม่ต้องเป็นยอดมนุษย์ หรือผู้วิเศษเพื่อที่จะสามารถจัดการกับเวลาได้ แต่อย่างไงก็ตามคุณจะต้องจัดการกับตัวเอง เพื่อให้ไปจัดการกับเวลาอีกที ในบทความนี้ผมขอเสนอ ๖ วิธีคิด วิธีปฏิบัติเพื่อการบริหารเวลาที่ดี โดยคุณเองก็น่าจะได้แนวคิดดีๆ เพื่อนำไปใช้จัดการกับเวลาของคุณบ้างไม่มากก็น้อย    ๑.  จดบันทึกกำหนดการต่างๆ รวมไปถึงการจัดเวลาเพื่อทำสิ่งต่างๆอยู่เสมอ เพราะสิ่งที่ทำให้คนเราเสียเวลามากที่สุดก็คือ การไม่รู้ว่าจะต้องทำอะไร ณ เวลาใด ลองคิดดูว่าคุณเองเสียเวลากับการนั้งนึกว่าจะต้องทำไรบ่อย และนานแค่ไหน    ๒.  จัดลำดับความสำคัญของสิ่งต่างๆที่คุณจะต้องทำ ต้องไป จำไว้ว่าเราควรจะต้องทำแต่งานที่มีความสำคัญเท่านั้น อย่ามัวเสียเวลากับงานที่ไม่ได้มีคุณค่าแต่อย่างใด และถ้าหากเลือกได้ ให้แน่ใจว่าคุณลงมมือทำงานที่ยาก (และไม่อยากจะทำ) มากที่สุดเสียก่อน "จงกินคางคกตัวที่อ้วนที่สุดก่อนเสมอ"    ๓.  จงอย่ากลัวที่จะ "ปฏิเสธ" ต่อสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นงาน หรือกิจกรรม ที่เราเห็นแล้วว่าไม่ได้มีความสำคัญใดๆ กับเรา เรื่องนี้จริงๆแล้ว สำหรับคนไทยเราเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยาก

คำคมที่ชอบ

คำคมที่ชอบ "คนที่ตั้งใจทำงานจะมองเห็นวิธี คนที่ไม่ตั้งใจทำจะมองเห็นข้อแก้ตัว" (สุภาษิตฟิลิปปินส์) "ชัยชนะมักวิ่งไปหาผู้ที่เตรียมทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมอยู่เสมอ เราเรียกสิ่งนั้นว่า ความโชคดี ผู้ที่ข้ามขั้นตอนจำเป็นไป ในภายหลังจะต้องได้รัับความล้มเหลวอย่างแน่นอน เราเรียกสิ่งนั้นว่า ความโชคร้าย"  (โรอัลด์ อามุนด์เซน นักสำรวจขั้วโลก)