สำหรับผู้เลี้ยงมือใหม่ เมื่อตัดสินใจเลือกหาสัตว์มาเลี้ยงแล้ว สิ่งที่วนเวียนอยู่ในความคิดอาจมีเพียง ต้องให้อาหารอย่างไรดี หรือถ้าเป็นยุคนี้หลายคนคิดเลยไปถึงการหาเสื้อผ้ากิ๊บเก๋ให้สุนัขน่ารัก น่าอุ้มที่สุด แต่สุขภาพที่ดีภายนอกไม่ว่าจะคนหรือสัตว์ก็ย่อมเกิดจากภายใน ดังนั้น นอกจากการให้อาหารที่ดี มีคุณค่าทางโภชนาการเหมาะสมกับวัยของสัตว์แล้ว การป้องกันโรคเบื้องต้น ยังนับเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้เลี้ยงควรคำนึงถึงอย่างยิ่ง โดยโรคที่เกิดขึ้นมากและจำเป็นต้องให้สุนัขได้รับการฉีดวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวสัตว์ ได้แก่
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคนี้คงไม่ต้องให้สาธยายถึงความร้ายกาจ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า มีอันตรายถึงชีวิตทั้งคนและสัตว์ ติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำลายของสัตว์ป่วย เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า "เรบีส์ ไวรัส" ก่อให้เกิดอาการต่างๆ ที่เป็นผลจากการอักเสบของเนื้อเยื่อประสาทและสมอง แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาสัตว์ที่ติดเชื้อแล้วให้หายได้ แต่การป้องกันมิให้สุนัขเป็นบ้า สามารถทำได้โดยง่ายด้วยการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี เข็มแรกให้ฉีดเมื่อสุนัขมีอายุ 12 สัปดาห์ แมวก็เช่นเดียวกัน จากนั้นควรฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเมื่ออายุ 16 สัปดาห์ และฉีดวัคซีนป้องกันเป็นประจำทุกปี
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข
เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในสุนัขจากเชื้อที่มีชื่อว่า "พาร์โวไวรัส" มักเกิดขึ้นมากในลูกสุนัข ทั้งในสุนัขพันธุ์เล็กจนถึงพันธุ์ใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นง่ายในภาวะแวดล้อมที่มีการรวมกลุ่มของสุนัข จำนวนมาก เบื้องต้นสุนัขติดเชื้อจะมีอาการท้องเสียหลังติดเชื้อประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจกลายเป็นหมาซึม เบื่ออาหาร อาเจียน หากถึงขั้นรุนแรงก็อาจมีเลือดปนและเสียชีวิต เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
ชื่อโรคอาจดูไม่รุนแรง แต่ผลของมันอันตรายถึงชีวิต ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบ เข็มแรกฉีดตอนสุนัขอายุ 6 สัปดาห์ อีก 2 สัปดาห์ ฉีดกระตุ้นอีกครั้ง มีสัตวแพทย์แนะนำอีกว่าเมื่อถึงวัย 10 สัปดาห์ และ 16 สัปดาห์ ก็ควรฉีดซ้ำเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพราะเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญ
โรคไข้หัดสุนัข
เป็นโรคที่เกิดจากสุนัขติดเชื้อไวรัส "ดิสเทมเปอร์ ไวรัส" แสดงอาการมีไข้ น้ำมูก น้ำตาซึม เบื่ออาหาร ท้องเสีย กล้ามเนื้อกระตุก เดินเซ อาจถึงขั้นเป็นอัมพาต และมักเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ถึงขั้นรุนแรง แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขมีหลายสายพันธุ์ มีทั้งไม่แสดงอาการ และทำให้เกิดโรคอย่างฉับพลัน และบางสายพันธุ์ทำให้สุนัขผอมแห้ง ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ หากสุนัขมีอาการผิดปกติ จึงควรนำส่งสัตวแพทย์เพื่อตรวจรักษา รวมถึงจัดการสถานที่เลี้ยงให้สะอาด แยกสุนัขป่วยออกจากสุนัขปกติ เพราะติดเชื้อได้ทั้งทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
โรคนี้พบมากในลูก สุนัขช่วงอายุระหว่าง 3-6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ลดลง ควรให้วัคซีนป้องกันโรคเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุนัขอายุ 6 สัปดาห์ ฉีดอีกครั้งเมื่อถึงวัย 8 สัปดาห์ หรือตามสัตวแพทย์กำหนด และควรฉีดซ้ำเป็นประจำทุกปี
ที่มา http://buddy-puppy.blogspot.com
โรคพิษสุนัขบ้า
โรคนี้คงไม่ต้องให้สาธยายถึงความร้ายกาจ เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า มีอันตรายถึงชีวิตทั้งคนและสัตว์ ติดต่อผ่านการสัมผัสน้ำลายของสัตว์ป่วย เกิดจากเชื้อไวรัสที่ชื่อว่า "เรบีส์ ไวรัส" ก่อให้เกิดอาการต่างๆ ที่เป็นผลจากการอักเสบของเนื้อเยื่อประสาทและสมอง แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาสัตว์ที่ติดเชื้อแล้วให้หายได้ แต่การป้องกันมิให้สุนัขเป็นบ้า สามารถทำได้โดยง่ายด้วยการฉีดวัคซีนเป็นประจำทุกปี เข็มแรกให้ฉีดเมื่อสุนัขมีอายุ 12 สัปดาห์ แมวก็เช่นเดียวกัน จากนั้นควรฉีดวัคซีนกระตุ้นภูมิคุ้มกันเมื่ออายุ 16 สัปดาห์ และฉีดวัคซีนป้องกันเป็นประจำทุกปี
โรคลำไส้อักเสบในสุนัข
เป็นโรคติดเชื้อไวรัสในสุนัขจากเชื้อที่มีชื่อว่า "พาร์โวไวรัส" มักเกิดขึ้นมากในลูกสุนัข ทั้งในสุนัขพันธุ์เล็กจนถึงพันธุ์ใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดขึ้นง่ายในภาวะแวดล้อมที่มีการรวมกลุ่มของสุนัข จำนวนมาก เบื้องต้นสุนัขติดเชื้อจะมีอาการท้องเสียหลังติดเชื้อประมาณ 1-2 สัปดาห์ อาจกลายเป็นหมาซึม เบื่ออาหาร อาเจียน หากถึงขั้นรุนแรงก็อาจมีเลือดปนและเสียชีวิต เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์
ชื่อโรคอาจดูไม่รุนแรง แต่ผลของมันอันตรายถึงชีวิต ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดก็คือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคลำไส้อักเสบ เข็มแรกฉีดตอนสุนัขอายุ 6 สัปดาห์ อีก 2 สัปดาห์ ฉีดกระตุ้นอีกครั้ง มีสัตวแพทย์แนะนำอีกว่าเมื่อถึงวัย 10 สัปดาห์ และ 16 สัปดาห์ ก็ควรฉีดซ้ำเพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพราะเป็นโรคติดเชื้อที่สำคัญ
โรคไข้หัดสุนัข
เป็นโรคที่เกิดจากสุนัขติดเชื้อไวรัส "ดิสเทมเปอร์ ไวรัส" แสดงอาการมีไข้ น้ำมูก น้ำตาซึม เบื่ออาหาร ท้องเสีย กล้ามเนื้อกระตุก เดินเซ อาจถึงขั้นเป็นอัมพาต และมักเกิดโรคแทรกซ้อนต่างๆ ถึงขั้นรุนแรง แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัขมีหลายสายพันธุ์ มีทั้งไม่แสดงอาการ และทำให้เกิดโรคอย่างฉับพลัน และบางสายพันธุ์ทำให้สุนัขผอมแห้ง ทรุดโทรมลงเรื่อยๆ หากสุนัขมีอาการผิดปกติ จึงควรนำส่งสัตวแพทย์เพื่อตรวจรักษา รวมถึงจัดการสถานที่เลี้ยงให้สะอาด แยกสุนัขป่วยออกจากสุนัขปกติ เพราะติดเชื้อได้ทั้งทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ
โรคนี้พบมากในลูก สุนัขช่วงอายุระหว่าง 3-6 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากแม่ลดลง ควรให้วัคซีนป้องกันโรคเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสุนัขอายุ 6 สัปดาห์ ฉีดอีกครั้งเมื่อถึงวัย 8 สัปดาห์ หรือตามสัตวแพทย์กำหนด และควรฉีดซ้ำเป็นประจำทุกปี
ที่มา http://buddy-puppy.blogspot.com
Comments
Post a Comment