ผู้เขียน : Shigeta Saito
ผู้แปล : ประวัติ เพียรเจริญ
ISBN : 978-974-443-404-3
ปีที่พิมพ์ : 2009
สำนักพิมพ์ : ส.ส.ท.
จำนวนหน้า : 224 หน้า
ราคา : 165 บาท
สรุปเนื้อหาสำคัญ
เป็นหนังสือที่เน้นหลักคิดในการใช้ชีวิตแบบ 80% โดยการนำเสนอหลักคิดง่ายๆว่า "แค่คนเราเปลี่ยนความคิด หรือมุมมองเพียงนิดเดียว ปัญหายุ่งยากต่างๆ ก็จะเผยให้เห็นถึงโอกาสในชั่วพริบตา" ชีวิตคนเรานั้นมีทั้งที่เป็นด้านบวก และด้านลบดังนั้นการกลับหัว(มุมมอง)คิด จะสามารถทำให้เห็นโอกาสที่ซ่อนอยู่ในวิกฤตต่างๆได้
ในหนังสือจะแบ่งหมวดหมู่เป็นกลุ่มๆ เรียกว่าประตู โดยจะมีทั้งสิ้น 5 บาน คือ
ประตูบานที่๑ เริ่มจากการสำรวจ ตัวเองใหม่ทั้งหมด
ประตูบานที่๒ สร้างโอกาสใหม่ๆ
ประตูบานที่๓ เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนมีเสน่ห์
ประตูบานที่๔ เรียนรู้จากผู้อื่น แล้วมองกลับมาที่ชีวิตของตัวเอง
ประตูบานที่๕ เพื่อให้รู้สึกอิ่มเอมกับชัยชนะในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า
ผมจะขอยกบางหัวข้อ ในประตูแต่ละบานมาให้เป็นตัวอย่างนะครับ
ประตูบานที่๑ เริ่มจากการสำรวจ ตัวเองใหม่ทั้งหมด
รู้จักจุดอ่อนของตัวเองหรือเปล่า
เมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหา คนส่วนใหญ่จะมองเห็นแค่ สาเหตุสุดท้ายขึ้นมาก่อนเป็นอันดับแรก โดยในหลายๆครั้งสาเหตุนั้นอาจจะไม่ใช่ต้นตอของปํญหาเลยก็ได้ ดังนั้นเราจะต้องทำการคิดใคร่ครวญดูให้ดีถึงต้นตอจริงๆของปัญหาว่าคืออะไร
จงเรียนรู้จุดอ่อนจุดแข็งของตัวเอง ผ่านแบบทดสอบตัวเอง(ในหนังสือหน้า๔๔ จะมีแบบทดสอบให้ลองทำอยู่ครับ) หรือจะเทียบเคียงจากแผนภาพ "การจัดประเภทลักษณะนิสัย" ด้านล่างนี้ก็ได้ครับ
คนที่คิดว่ามีเวลาตั้ง๓วัน กับคนที่คิดว่ามีเวลาแค่๓วัน
ความเครียดอยู่ที่ใจ หากมีงานที่ได้รับมอบหมายให้เวลาทำงาน ๓วัน ถ้าเราเป็นคนที่ประเมินความสามารถของเรา และคาดหวังผลงานไว้อย่างสมบูรณ์เกินไป เราจะเกิดความรู้สึกว่าเวลาแค่ ๓วันมันไม่พอ โดยผลของงานที่ออกมานั้นก็มักจะอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น ในขณะที่หากเราคิดว่าเราจะทำงานชิ้นนั้นอย่างเต็มที่ โดยประเมินความสามารถ และผลของงานในระดับที่สมดุลกับทั้งเวลา และความสามารถแล้วนั้น จะมีความรู้สีกว่ามีเวลาอีกตั้ง ๓วัน แล้วผลงานก็จะออกมาในระดับที่ได้คิดเอาไว้ก่อนแล้ว
ประตูบานที่๒ สร้างโอกาสใหม่ๆ
แสดงความอ่อนน้อมถ่อมตน กับทุกคนที่พบกันครั้งแรก
จะว่าไปแล้วในการพบกันครั้งแรกนั้น แต่ล่ะฝ่ายก็จะรู้สึกเกร็งเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่น่าสนใจคือ ความประทับใจแรกพบนั้นจะเกิดขึ้นจากคำพูดคำแรกๆมากเสียยิ่งกว่า ลักษณะภายนอกที่มองเห็นได้เสียอีก ถ้าเราพบกับคนที่ท่าทางออกจะน่ากลัว แต่พูดจาด้วยความสุภาพ เราจะเกิดความประทับใจที่ดี ในขณะที่อีกคนท่าทางการแต่งตัวดูเนี้ยบแต่พูดจาไม่น่าฟัง เราก็มักจะเกิดความประทับใจที่ไม่ดีกับคนๆนั้น
ฝีกให้เป็นคนยิ้มเก่ง ทักทายคนเก่งได้
บางครั้งเวลาเราทำอะไรผิดพลาด หรือถูกต่อว่า เราก็อาจจะมีอาการยิ้มไม่ออก หรืออาจจะถึงขั้นไม่ยอมพูดจาทักทายกับคนที่ต่อว่าเรา หรือร้ายกว่านั้นคือทุกคน แต่อย่างที่เราก็ทราบกันดี เป็นปกติที่เราจะไม่อยากพูดคุยกับคนที่ตีสีหน้า หรือทำหน้าเครียดตลอดเวลา
ดังนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ การฝึกให้เป็นคนยิ้มง่าย เป็นคนแจ้มใสอยู่ตลอดเวลา
ประตูบานที่๓ เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นคนมีเสน่ห์
อารมณ์ขันมักจะนำโชคดีเข้ามาเสมอ
จงจำไว้ว่า ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาวะวิกฤตที่รุนแรงเพียงใด ให้ลองฝึกตัวเองให้ยิ้มสู้ไว้ รอยยิ้มอารมย์ขัน(อารมย์ที่ดี) จะช่วย(อย่างน้อย) ชโลมใจให้หายกังวลได้เสมอ เหมือนเป็นการเรียกลมแห่งโชคดีให้เข้ามาหาเราด้วย
ประตูบานที่๔ เรียนรู้จากผู้อื่น แล้วมองกลับมาที่ชีวิตของตัวเอง
ชมเชยย่อมดีกว่าดุด่า มาเรียนรู้วิธีดุด่า และชมเชยอย่างแยบยลกัน
การดุด่าคน(ลูกน้อง) โดยไร้ซึ่งความปรารถนาดี จะไม่ช่วยกระตุ้นให้เขาฮึดสู้ขึ้นมาได้หรอก ในหน้งสือยกตัวอย่างของเทพเจ้าแห่งการบริหารของญี่ปุ่น คุณมัตสึชิตะ โคโนะซุเก (Matsushita Konosuke) ที่เคยกล่าวว่า
"พวกคุณโชคดีนะที่ยังมีคนตอยตักเตือน ดูอย่างผมซิ ต่อให้ทำผิดพลาดแค่ไหน ลับหลังถึงจะมีคนบ่าว่า "ทำอะไรน่ะ ไม่ได้เรื่องเลย" แต่ต่อหน้ากลับไม่มีใครกล้าพูดเลยสักคน ก็เลยทำผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำอีก แก้ตัวใหม่ไม่ได้สักที แต่พวกคุณโชคดีที่ยังมีผม และกรรมการท่านอื่นคอยตักเตือนดุว่าอยู่ โอกาสเหล่านี้ ยิ่งเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเท่าไร ยิ่งหมดไปเรื่อยๆ ดังนั้น จึงต้องเห็นคุณค่าของโอกาสอันประเสริฐที่ยังถูกดุว่าในี้ให้มาก"
กำลังใจที่ดีที่สุด คือ ตัวเลขที่เป็นรูปธรรม
จงระลึกเสมอว่า "คนเราจูงใจไม่ได้ด้วยสิ่งที่เป็นนามธรรม" (อาจจะไม่จริงเสมอไป แต่ผมเห็นด้วยเป็นส่วนใหญ่) เช่น
การตั้งเป้าหมายที่จะให้มียอดขายเพิ่มขึ้น (นามธรรม) เป้าหมายดูล่องลอยเกินไป กลับกัน ถ้าพูดว่า จะต้องเพิ่มยอดขายอีก 10% อันนี้จะดูเข้าใจได้ง่ายกว่า หรือการบอกให้ยิ่งไปถึงยอดเขา ที่มีแต่หมอกลงจัดไม่เห็นแม้แต่ยอดเขา เทียบกับ อีก กิโลเมตรเดียวก็จะถึงยอดเขาแล้ว แบบนี้อาจจะดูให้ความหวัง มีแรงฮึดที่จะทำงานนั้นๆให้ลุลวงได้
ประตูบานที่๕ เพื่อให้รู้สึกอิ่มเอมกับชัยชนะในอีก ๑๐ ปีข้างหน้า
เราต้องมีเรื่องที่เก่งกว่าใครๆ สักเรื่อง
เราจะมีความสุข ความมั่นใจอีกมากเลยหากเรามีความสามารถที่เก่งกว่าใครๆ แม้เพียงเรื่องเดียว มีคนกล่าวไว้ว่า หากเรามีความสามารถในการเล่นเครื่องดนตรี หรือภาษาต่างประเทศเพิ่มขึ้นอีก ๑ อย่าง ชึวิตจะสนุกขึ้นเป็น ๒ เท่า (น่าจะจริง)
โอกาสมักจะมาหาคนร่าเริงก่อนเสมอ
สรุปว่านี้เป็นหนังสือที่อ่านได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก และมีข้อคิดดีๆ ให้ไปขมต่อไป ลองหามาอ่านกันดูนะครับ
Comments
Post a Comment