ผู้เขียน : Eitaro Kono
ผู้แปล : โยซุเกะ
ISBN : 978-616-287-110-8
ปีที่พิมพ์ : 2015
สำนักพิมพ์ : We Learn
จำนวนหน้า : 216 หน้า
ราคา : 180 บาท
สรุปเนื้อหาสำคัญ
หนังสือเล่มนี้เน้นไปที่การสอนการเป็นผู้นำ เป็นหัวหน้า โดยสรุปแล้วคือ หนังสือสำหรับเหล่าหัวหน้าทั้งหลายที่จะสามารถลากเอาพลังทั้งหมดของทีมงานออกมาให้ได้ เพื่อมุ่งไปสู่ผลสำเร็จ หรือเป้าหมายที่ได้ตั้งเอาไว้ โดยในหนังสือจะแบ่งออกเป็นบทๆ ทั้งหมด 8 บทด้วยกัน โดยเริ่มตั้งแต่การเริ่มหาคนเข้าทีมเลย
เริ่มกันตั้งแต่หัวหน้าคืออะไร หลายคนคงให้คำจำกัดความของหัวหน้าแตกต่างกันออกไปตามประสบการณ์ที่มีมา แต่ในหนังสือเล่มนี้ได้ให้คำจำกัดความของหัวหน้าไว้อย่างน่าสนใจว่า คือ "คนที่คอยกระตุ้นให้ผู้คนรู้สึกอยากทำงาน โดยเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนมีความตั้งใจ"
โดยจะแตกต่างจากเจ้านาย ที่หนังสือให้คำจำกัดความค่อยข้างจะน่ากลัวว่าคือ "คนที่คอยควบคุมผู้คน โดยเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนชอบทำตัวเหลวไหล"
สิ่งที่หัวหน้าจะต้องมีคือ ความสามารถในการ "กำหนดเป้าหมาย" "มัดใจผู้คน" และ "จูงใจให้พวกเขาให้ทำตามเป้าหมายนั้น" ดังนั้นไม่ว่าใครหากสามารถทำสิ่งต่างๆเหล่านี้ได้ คนๆนั้นก็เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าได้
หนังสือได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการสร้างทีม (หาคนเข้าทีม) ว่าจงเลือกให้มีความหลากหลาย เพราะการทำงานเป็นทีมคือ การอุดจุดบอดของเรา จงอย่ากลัวที่จะเอาคนที่เก่งกว่าเราเข้ามาไว้ในทีม การที่ในทีมมีความหลากหลายมาก (อายุ เพศ ความชอบ ความถนัด) ยิ่งเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับทีม
เมื่อเรามีทีมงานที่ดีแล้ว ต่อไปคือการทำให้ทุกคนเข้าใจในเป้าหมายที่เรากำลังจะฝ่าฟันไปด้วยกัน โดยเราควรจะต้องบอกให้ชัดถึงสิ่งที่เป็นเป้าหมาย รวมถึงสิ่งที่ทีมจะได้รับเมื่อเกิดผลสำเร็จขึ้น
ระหว่างการประเมินผล การเอ่ยคำชมเป็นวิธีการที่ได้ผลสูงสุด โดยต้องเอ่ยคำชมด้วยความจริงใจ และทำในทันที่ (ไม่เหมือนการตำหนิที่ต้องเลือกสถานที่ และเวลา) โดยสามารถทำต่อหน้าทีมงานคน หรือแม้แต่คนอื่นก็ได้
เมื่อคนในทีมต้องการความช่วยเหลือ หรือคำปรึกษาจงให้ความสำคัญกับสิ่งนั้นอย่างตั้งใจ จงหยุดทำทุกอย่างแล้วตั้งใจฟัง เพราะนี้คือสัญญาณว่าทีมกำลังมีปัญหา และต้องการความช่วยเหลือ หากเราไม่ให้ความสำคัญกับปัญหานั้นๆ ปัญหานั้นอาจจะลุกลามและยากต่อการจัดการในอนาคต
ความจริงแล้วงานของหัวหน้าคืออะไรกันแน่ หากคิดให้ดีๆแล้วงานของหัวหน้าก็คือ การตัดสินใจ และถ่ายทอดการตัดสินใจน้้นๆ ให้กับทีมงานได้ทราบและไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าหัวหน้างานไม่ตัดสินใจซะแล้ว ก็แน่นอนว่าทีมงานย่อมเดินต่อไปไม่ได้ ดังนั้นเมื่อลูกทีมมาขอความชัดเจนในการทำงานแล้วหัวหน้างานไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ตัวหัวหน้างานเองก็จะกลายมาเป็นอุปสรรค์ เชือเถอะครับว่าการตัดสินใจที่แย่ที่สุดคือ การไม่ตัดสินใจนั้นเอง
อย่าเสียเวลากับเรื่องไม่สำคัญ และเรื่องเล็กๆน้อยๆมากเกินไป เช่นการถกเถียงกันว่าใครเป็นผู้ผิดเมื่อเกิดปัญหาขึ้นซึ่งถือว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แทนที่จะช่วยกันหาทางออก ทางแก้ปัญหาซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ หรือเรื่องเกี่ยวกับเอกสารที่ลูกทีมอาจจะทำผิดพลาดไป แทนที่จะแก้ให้ลูกทีม เราควรจะส่งให้ลูกทีมคนนั้นๆไปแก้ไข โดยบอกให้เข้าใจว่าต้องทำการทานเอกสารให้ถูกต้องทุกครั้ง
หน้าที่ที่สำคัญของหัวหน้าทีมคือ การกำหนดเป้าหมายให้กับทีม และทำให้ลูกทีมมีความรู้สึกร่วมกับเป้าหมายนั้นๆ และแน่นอนมันเป็นอีกหน้าที่ของหัวหน้างานที่จะต้องสอนงาน ให้ลูกทีมมีความรู้ความสามารถเหมาะสมที่จะทำงานให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้
อย่าทำเป็นรู้ในเรื่องที่ไม่รู้ แม้จะเป็นหัวหน้างานแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่จะมีอะไรบางเรื่องที่เราไม่รู้ ดังนั้นเมื่อต้องเจอกับเรื่องที่เราไม่รู้ ไม่ต้องอายที่จะบอกออกไปตรงๆเลยว่าเราไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เลย และต้อบสอบถามเรื่องนั้นๆจนเข้าใจอย่างเร็วที่สุดด้วย
สุดท้ายหัวหน้างานควรจะมีความเชื่อว่า "ลูกทีมทุกคน เป็นคนดี" เราสามารถเชื่อใจทุกคนได้ โดยเราไม่จำเป็นที่จะต้องไปจ้องจับผิด การทำงานที่ดีควรอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อใจของทีมงาน
ดูแล้วไม่ใช่แค่หัวหน้างานเท่านั้นที่เหมาะกับหนังสือเล่มนี้ เพราะเป็นหนังสือที่อ่านสนุก ได้ความรู้ เพื่อเอาไปปรับใช้กับงาน หรือชีวิตประจำวันได้ เป็นหนังสือที่แนะนำให้ต้องอ่านให้ได้นะครับ
Comments
Post a Comment