อย่างแรกเลยคือ อะไรคือความแตกต่างกันระหว่าง ผู้นำ กับ ผู้จัดการ
ผู้จัดการ คือ คนที่คอยจัดการให้ลูกน้องทำงาน ตามที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จเสร็จสิ้น โดยมักจะเน้นไปที่การสร้างความหวาดกลัว
เปรียบเป็นตัวอย่างการทำงาน เสมือนกับการการเดินแถว ผู้จัดการจะเป็นคนที่เดินอยู่หน้าแถว แต่เดินถอยหลัง เพื่อจะได้จ้องจับผิด คนที่เดินอยู่ในแถว ว่าเดินได้ถูกต้อง หรือไม่
ผู้จัดการมักจะมีความเชื่อว่า ลูกน้องไม่สามารถเชื่อถือได้ หรือมีความสามารถไม่เพียงพอ จำเป็นที่จะต้องมีการจำตามองอย่างใกล้ชิด ไม่เช่นนั้นงานทุกอย่างจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้น
ผู้จัดการมักจะใช้ กฏ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการควบคุมลูกน้อง อย่างที่บอกไป เน้นสร้างความกลัวให้กับลูกน้อง
ผู้จัดการมักจะกลัวปัญหาทุกชนิด แม้แต่เรื่องเพียงเล็กน้อย ก็จะคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อยู่เสมอ และโดยมากมักจะให้ความสำคัญไปที่ "ใคร คือ สาเหตุ" ของปัญหา
ผู้นำ คือ คนที่สร้างสภาวะที่เหมาะสมในการดึงเอาศักญภาพ ของลูกน้องออกมาให้ได้มากที่สุด โดยจะเน้นไปที่การสร้างขวัญ และกำลังใจ
เปรียบเป็นตัวอย่างการทำงาน เสมือนกับการการเดินแถว ผู้นำจะเป็นคนที่เดินอยู่หน้าแถว โดยนำแถวด้วยความมั่นใจว่าลูกน้องจะสามารถตามเขาได้อย่างถูกต้อง
ผู้นำ มีความมั่นใจในตัวลูกน้องเป็นอย่างมาก โดยจะพยายามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานของลูกน้องให้น้อยที่สุด เท่าที่จะจำเป็น โดยมั่นใจในความสามารถของลูกน้องว่าจะสามารถทำงานได้อย่างเรียบร้อย
ผู้นำ ใช้การทำให้ดูเป็นตัวอย่าง และสร้างการมีส่วนร่วมในการควบคุมลูกน้อง
ผู้นำเข้าใจว่า ปัญหา เป็นเรื่องปกติ และจะเน้นไปที่การแก้ไขปัญหา มากกว่าที่จะหาว่าใครคือต้นเหตุของปัญหา
คราวนี้ลองคิดดูว่า คุณเป็น หรือมี หัวหน้าที่เป็นผู้จัดการหรือไม่ จากลักษณะ ๑๐ ประการของผู้จัดการ
๑. ผู้จัดการจะไม่ถามความคิดเห็นของลูกน้อง เพราะผู้จัดการเชื่อในอำนาจที่มีเหนือลูกน้อง
๒. ผู้จัดการจะไม่ชมเชยความสามารถของลูกน้อง เพราะผู้จัดการต้องการรักษาความเหนือกว่าลูกน้องไว้
๓. ผู้จัดการจะไม่ทำผิด ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงผู้จัดการจะทำผิดก็ตาม เขาจะไม่มีวันยอมรับมัน
๔. ผู้จัดการจะไม่ยอมรับความเห็นแย้งจากลูกน้อง เพราะเชื่อว่าตัวเองเหนือกว่า
๕. ถ้าผู้จัดการต้องการความช่วยเหลือจากลูกน้อง มันจะต้องไม่เป็นที่เปิดเผย เพราะกลัวว่าจะเสีย
การควบคุมลูกน้อง
๖. ผู้จัดการจะไม่ยอมให้ลูกน้องของตนเอง ไปติดต่อโดยตรงกับหัวหน้าของผู้จัดการเด็ดขาด เพราะกลัวว่าหัวหน้าของตัวจะเชื่อลูกน้องมากกว่าตัวเอง
๗. ผู้จัดการจะไม่ช่วยรับหน้า เวลาลูกน้องมีปัญหา เพราะไม่อยากจะมีปัญหาไปด้วย
๘. ผู้จัดการจะไม่บอกแผนการในอนาคตให้กับลูกน้องให้รับทราบ จะบอกเพียงแค่บางส่วนที่ลูกน้องจะต้องทำเท่านั้น โดยเชื่อว่านี้คือ อำนาจอย่างหนึ่ง
๙. ผู้จัดการจะไม่พูดถึงสิ่งที่อาจจะเป็นปัญหากับตัวเอง
๑๐. ผู้จัดการจะเสียเวลา และพละกำลังอย่างมาก เพื่อรักษาอำนาจของตัวเอง มากกว่าประโยชน์ของบริษัท
ที่มา www.forbes.com
Comments
Post a Comment