สิ่งที่ควรจะต้องรู้เกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ Gold Investment
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจให้ตรงกันก่อนว่า ในทุกการลงทุนล้วนมีความเสี่ยง ดังนั้นก่อนจะไปถึงขั้นตอนของการซื้อขาย ต้องศึกษาข้อมูลเบื้องต้นกันก่อน ถึงแม้จะเป็นการลงทุนในทองคำที่ทุกๆคนคิดว่ามีความปลอดภัยสูงก็ตาม
ดังนั้นถ้าหากพร้อมแล้วเราก็มาเรียนรู้ความรู้เบี้องต้นเกี่ยวกับการลงทุนในทองกันเลย
Q : การซื้อขายทองคำมีการส่งมอบทองคำกันจริงๆ หรือเป็นแค่สัญญาซื้อขายกันลอยๆ
A : การตกลงซื้อขาย ส่งมอบทองคำและชำระราคากันจริงๆ แต่ปัจจุบันมีผู้สนใจลงทุนซื้อเป็นทองคำแท่งมากขึ้น แต่ติดปัญหาเรื่องการจัดเก็บ เพราะไม่สะดวก และไม่ปลอดภัยเพียงพอ แหล่งรับซื้อ-ขายทองคำบางแห่งจึงใช้ “ใบรับฝากทอง” แทนที่จะมารับทองคำจริงๆ และนำกลับไปเก็บ โดยใบรับฝากทองที่ออกจะเป็นในนามบริษัท ซึ่งเป็นผู้นำเข้า-ส่งออกทองคำโดยตรงQ : การซื้อขายทองคำมีการกำหนดราคาจากที่ใด
A : สมาคมค้าทองคำQ : ในการลงทุนควรจะซื้อทองชนิดไหน
A : ทองคำในการลงทุนมี 2 ชนิด คือ 96.5% และ 99.99% ซึ่งจะเลือกซื้อแบบใดขึ้นกับลักษณะความต้องการในการลงทุน โดยปกติแนะนำให้ซื้อ 96.5% เนื่องจากเป็นทองคำมาตรฐานของไทย แต่หากต้องการซื้อเพื่อการผลิตหรือขายไปต่างประเทศก็ควรเป็นทองคำ 99.99% ส่วนผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อออมควรเป็นทองคำ 96.5% เพราะมีราคาแจ้งประกาศอย่างเป็นทางการ มั่นใจได้ว่าไม่ถูกโกงQ : การลงทุนแบบ 99.99% กับ 96.5% อย่างไหนดีกว่า
A :การลงทุนในแบบ 99.99% จะซื้อขายกันที่ขั้นต่ำ 1 กิโลกรัม จึงต้องใช้เงินลงทุน 1 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ในขณะที่ 96.5% ซื้อขายกันที่ขั้นต่ำ 1 บาท และสามารถตรวจสอบราคาที่แน่นอนได้จากสมาคมค้าทองคำ ในแง่ของผลกำไร ทอง 99.99% ให้ผลกำไรที่ดีกว่า แต่อาจจะไม่มีสภาพคล่องดีเท่ากับ 96.5% เนื่องจากร้านทองเล็กๆอาจจะไม่มีเงินรองรับพอ สรุปคือ ผู้เริ่มลงทุนควรจะลงทุนในทอง 96.5% ก่อนQ : อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำขึ้นลง
A : ราคาทองคำในไทยจะขึ้นกับปัจจัยหลัก 2 ประการ คือ ราคาทองคำตลาดโลก และอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทกับดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาทองคำในไทยจะเพิ่มขึ้นเมื่อราคาทองคำตลาดโลกเพิ่ม และเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐQ : สิ่งที่ควรทราบสำหรับผู้ที่ต้องการเก็งกำไร มีอะไรบ้าง
A : การลงทุนเพื่อเก็งกำไร สิ่งสำคัญที่ควรทราบ คือ 3E ได้แก่Excess money คือ มีเงินเหลือ และต้องทราบว่าจะแบ่งเงินออมกี่เปอร์เซนต์ มาลงทุนในทองคำ ซึ่งจำนวนเงินที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 10% ต่อการซื้อ-ขายหนึ่งครั้ง เพื่อกระจายความเสี่ยงและควบคุม Port การลงทุนให้เหมาะสม
Experience คือ ต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทองคำให้เพียงพอก่อนที่จะเริ่มซื้อ-ขาย อย่างน้อย 1 เดือน
Education คือ ต้องศึกษาหาข้อมูลด้วยตนเอง
Q : ข้อดี-ข้อเสียของการลงทุนในทองคำ เปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่นๆ
A : (1) การลงทุนในธนาคาร พันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงิน มีความเสี่ยงน้อย แต่ได้ผลตอบแทนที่ต่ำ(2) การเล่นหุ้น มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน โดยเฉลี่ยผลตอบแทนจากการเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะอยู่ที่ 5-7%
(3) การลงทุนในทองคำ เหมาะที่จะลงทุนเนื่องจากทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีราคาค่อนข้างแน่นอน สามารถกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนได้ สภาพคล่องสูง ซึ่งตามหลักการบริหารพอร์ตทั่วไปควรลงทุนในทองคำประมาณ 5 - 10 % ของการลงทุนทั้งหมด ส่วนประชาชนทั่วไปควรลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ ประกอบกับขณะนี้ราคาทองคำเพิ่มสูงขึ้นจึงเป็นช่วงที่เหมาะแก่การลงทุนที่สุด แต่ในสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น จึงควรติดตามและศึกษาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
Q : การซื้อขายทองคำแท่ง หากลูกค้ามีกำไรที่เกิดจากการขายทองคำแท่ง จะมีการเรียกเก็บภาษีจากสรรพากรหรือไม่
A : ไม่มีเนื่องจากทองคำแท่งจัดเป็นสินทรัพย์ที่เคลื่อนย้ายได้เช่นเดียวกับ รถยนต์ จึงไม่มีการเรียกเก็บภาษีแต่อย่างใดที่มา http://www.umarin.com
Comments
Post a Comment