ชื่อกีฬา
เทนนิส
เข้าใจการเล่นอย่างง่ายๆใน 7 ข้อ
1 มีการแข่งแบบบุคคลเดี่ยว กับแบบทีมคู่ (มีได้ทั้ง ทีมแบบชายคู่ หญิงคู่ และคู่ผสม)
2 แข่งขันกันตีลูกเทนนิสให้ข้ามไปยังฝั่งตรงข้าม โดยมีตาข่ายกันตรงกลาง โดยใช้ไม้สำหรับตีเทนนิสในการตีลูก และจะได้คะแนนเมื่อสามารถตีลูกข้ามตาข่าย ลงในเขตแดนฝั่งตรงข้าม แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถตีลูกกลับมาได้ (โดยอนุญาติให้ลูกตกพื้นได้เพียง 1 ครั้งเท่านั้น) รวมถึงการตีไม่ข้ามตาข่าย และการตีออกนอกสนามด้วย
3 สนามเทนนิสมีความกว้างอยู่ที่ 11 เมตร และความยาวอยู่ที่ 24 เมตร (โดยประมาณ) และตาข่ายสูง 1 เมตร (บริเวณตรงกลางจะเตี้ยกว่าบริเวณหัวเสาอยู่เล็กน้อย ประมาณ 10 เซ็นติเมตร)
4 ในการแข่งแบบ บุคคลเดียว กับแบบคู่ ขนาดของสนามจะมีความแตกต่างกัน โดยให้สังเกตุจากเส้นที่ตีรอบสนาม โดยเส้นท้ายสนามจะมีเส้นเดียว แต่เส้นด้านข้างจะมีสองเส้น โดยเส้นด้านในใช้สำหรับการแข่งขันแบบเดี่ยว ส่วนเส้นด้านนอกใช้สำหรับการแข่งขันแบบคู่ฃ
5 การเสิร์ฟลูกเริ่มเล่น จะเริ่มเสิร์ฟจากทางขวามือก่อนเสมอ โดยการเสิรฟ์ลูกนั้นผู้เสริฟ์จะต้องอยู่หลังเส้นหลัง (หากเหยียบเส้น) และจะต้องเสิรฟ์ให้ลงในพื้นที่เสริฟ์ (บริเวณครึ่งด้านหน้าสนามของฝ่ายตรงข้าม ในมุมที่ตรงข้ามกับที่ผู้เสริฟ์อยู่)เท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะนับว่าเป็นการเสริฟ์เสีย ซึ่งการเสริฟ์เสีย 2 ครั้งจะทำให้เสียคะแนน ปกติการเสริฟ์จะสลับกันครั้งล่ะ 1 เกม
6 ลักษณะของพื้นผิวที่ใช้ในการเล่นเทนนิส มีอยู่หลายแบบ ซึ่งแต่ล่ะแบบก็มีลักษณะเฉพาะตัวต่างกันไป เช่น
พื้นแข็ง (hard court) ทำจากคอนกรีต ราดยาง หรืออะครีลิก พื้นแข็งจะทำให้บอลเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า และกระดอนได้อย่างแท้จริง
พื้นดิน (clay court) ปัจจุบันมักไม่ได้ทำมาจากดินจริง แต่จะเป็นอิฐป่นและปูทับด้วยอนุภาคพิเศษที่ไม่ดูดซับน้ำง่าย พื้นดินมักจะทำให้บอลเคลื่อนที่ช้ากว่า และบอลจะติดสปินมากกว่า
พื้นหญ้า (grass court) บอลจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า แต่การกระดอนมักจะไม่แน่ไม่นอน ปัจจุบันมีการใช้หญ้าชนิดใหม่ที่ทำให้บอลกระดอนได้สูงขึ้นและการเคลื่อนที่ของบอลช้าลงกว่าหญ้ารุ่นก่อน
7 การนับคะแนน มีการนับคะแนนที่เป็นเอกลักษณ์ และค่อนข้างจะแปลก คือ ในแต่ล่ะเกมผู้ที่ได้คะแนน 45 คะแนนก่อนจะเป็นผู้ชนะ โดยคะแนนแรก และคะแนนที่สองที่ทำได้ จะได้ครั้งล่ะ 15 คะแนน การได้คะแนนในครั้งที่ 3 จะได้คะแนนเพิ่มอีก 10 คะแนน และการได้คะแนนในครั้งที่ 4 จะได้เพิ่มอีก 5 คะแนน รวมเป็น 45 คะแนน (หากคะแนนมาเสมอกันที่ 40-40 นักกีฬาที่ทำคะแนนได้อีก 2 ครั้งติดกันจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้นไป) โดยคะแนน "0" จะเรียกว่า LOVE
การชนะ
ฝ่ายที่สามารถเก็บ เซ็ต ได้ครบตามที่กำหนดก่อนจะเป็นผู้ชนะ โดยการจะได้เซ็ตมานั้น จะต้องสามารถเก็บได้ 6 เกมก่อน (หากนักกีฬาเสมอกันที่ 5-5 เกม จะต้องตัดสินด้วย Tie Break (ไทเบรค)) โดยปกติจะแข่งกัน 2 ใน 3 เซ็ต หรือ 3 ใน 5 เซ็ต
-----
โดยส่วนตัวแล้วผมเองก็ชอบดูกีฬาชนิดนี้มาก เพราะความสนุก ความเร็วในการเล่น และกฏที่ไม่ได้ซับซ้อนดูสบายๆ และการได้โตมาในยุคนี้ ที่มีนักกีฬาที่เก่งมากๆ ให้ตามเชียร์ก็คงเป็นเหตุผลอีกอย่างที่ทำให้ผมชอบดู
แต่ไม่ได้มีโอกาสได้เล่น อาจจะเพราะไม่ค่อยเป็นที่นิยมในไทยเรา ทำให้สนามที่จะหาเล่นเทนนิส ค่อยข้างจะยาก ถ้าเทียบกับฟุตบอล หรือบาสเก็ตบอล (ตัวผมเชียร์เฮีย RF นะครับ) แล้วทุกท่านล่ะครับ ชอบดู หรือเล่นเทสนิสหรือเปล่าครับ
Comments
Post a Comment